ฉันพร้อมจะลงจอด
- By Rachel Kopke / แปลและเรียบเรียงโดย ทิวาภรณ์ ภูกองไชย
- •
- 27 Aug, 2020

จากริมระเบียงของห้องฉัน ฉันสามารถมองเห็นวิวในเมืองและสนามบินได้ไกลๆ ฉันมักจะได้เห็นเครื่องบินขึ้นและลงจอดเสมอ มีบ่อยครั้งที่ฉันจะหยุดยืนอยู่ริมระเบียง ขณะที่ในมือถือชาร้อน และมองเครื่องบินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ากำลังค่อยๆเคลื่อนตัวช้าลง ๆ วนไปรอบๆ อยู่เหนือท้องฟ้าเพื่อรอสัญญาณจากหอบังคับการบินให้ลงจอด
ช่างเป็นภาพที่เชื่อมโยงกับตัวฉันได้ดี เพราะสองปีก่อน ฉันเองได้เดินทางกลับมาที่ประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของฉัน การกลับมาที่นี่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดใจ ฉันรู้สึกไม่คุ้นเคยกับที่นี่เลย แม้ว่าจะมีเหตุผลดีๆ มากมาย และเรื่องราวที่น่าท้าทายมากมายที่ทำให้ฉันต้องกลับมาที่นี่ แต่ฉันเองกลับยังไม่รู้สึกว่าฉันสามารถลงหลักปักฐานที่นี่ได้ ฉันรู้สึกว่าการเดินทางของฉันมันชะงักลง ฉันมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยลงจอดได้!
มาในปีนี้ ฉันรู้สึกว่าโลกกลับวุ่นวายมากขึ้นอีก ทุกอย่างช่างห่างไกลจากคำว่าปกติ แผนงานและเป้าหมายที่วางไว้ดูเหมือนจะไม่เคยได้เห็นผล ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สิ้นสุด และสถานการณ์ที่ตรงกันข้ามจากปกติยิ่งทำให้ฉันอยู่ไกลจากคำว่าลงหลักปักฐานหรือมั่นคง ฉันรู้ว่าหลายๆ คนก็คงรู้สึกแบบเดียวกันว่าช่วงเวลาแบบนี้ควรเป็นช่วงเวลาที่เราจะก้าวไปอย่างช้าๆ และทุ่มเทเวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่แทนที่จะเป็นแบบนั้น เรากลับกำลังพยายามที่จะสร้างสมดุลให้กับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจของเราและพยายามจะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ นั้น เรากำลังพยายามจะชะลอเครื่องของเราให้ช้าลงและวนลูปอยู่เรื่อยๆ บนท้องฟ้า ขณะที่เรากำลังรอลงจอด
สรรเสริญพระเจ้า! ที่พระองค์ทรงมั่นคงและไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าตัวเราเองและโลกจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ฉันเองได้ใคร่ครวญพระวจนะของพระองค์เมื่อไม่นานมานี้ และฉันสังเกตเห็นว่าวิธีการที่พระเจ้าทรงเรียกประชากรของพระองค์ให้ไปอยู่ในที่ที่พวกเขาอยู่นั้นน่าสนใจมาก ข้อพระคัมภีร์ที่เด่นชัดสำหรับฉันในเรื่องนี้ อยู่ใน เยเรมีย์ 29 ซึ่งเล่าถึงตอนที่ประชาชนกลุ่มใหญ่ของอิสราเอลถูกนำ ไปเป็นเชลยอยู่ที่บาบิโลนภายใต้การปกครองของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ และประชากรเหล่านั้นรู้ว่าผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ได้กล่าวไว้ว่า การเป็นเชลยนี้จะยาวนานถึง 70 ปี มีผู้เผยพระวจนะเท็จที่ได้บอกว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นเชลยยาวนานขนาดนั้น แต่เยเรมีย์ก็ได้เผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นอยู่บ่อยครั้ง คุณลองจินตนาการดูได้ไหม? การใช้ชีวิต 70 ปี ในการเป็นเชลย ถูกบังคับ ไม่อาจจะลงหลักปักฐาน รอคอยที่จะได้หยุดพัก รอคอยที่จะได้กลับบ้าน นั้นเป็นยังไง ประสบการณ์ของพวกเขานั้นต่างจากเรามาก แต่ฉันสามารถจินตนาการได้ว่าอารมณ์ความรู้สึก หลายๆ อย่างของพวกเขาคงจะเหมือนกับฉันในตอนนี้
มีความกลัว ความสับสน และความหงุดหงิด
แม้ว่าอิสราเอลจะอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนจะไม่สามารถลงหลักปักฐานได้ แต่พระเจ้ากลับเรียกให้ พวกเขาทำอย่างนึง คือ ให้เขาปักหลักซะ! พระเจ้าสั่งให้เขาสร้างบ้าน ปลูกสวน สร้างครอบครัว และแสวงหาสวัสดิภาพจากเมืองที่พวกเขาอยู่ (ยรม.29:5-6) แน่นอนว่าพระเจ้าไม่ได้ให้พวกเขาหยุด โหยหาการได้กลับสู่อิสราเอล แต่พระองค์อยากให้พวกเขาอุทิศตัวในที่ที่เขาอยู่และใช้ชีวิตของพวกเขา โดยการเชื่อฟังพระเจ้าขณะที่อยู่ที่นั่น ในเมืองที่เป็นศัตรูและเมืองต่างถิ่น
เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกชะงัก ไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังมีอีก พระเจ้าได้สัญญากับประชากรของพระองค์ว่าหลังจาก 70 ปี พระองค์จะรวบรวมพวกเขาจากทุกๆ ชนชาติที่พวกเขาไปเป็นเชลย และพาเขากลับบ้าน และพวกเขา จะเป็นประชากรของพระองค์และพระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา การตกเป็นเชลยนั้นเป็นผลจากความบาปและการกบฎของอิสราเอล แต่พระเจ้าทรงใช้เหตุการณ์นั้นเพื่อจะนำบางสิ่งที่สวยงามกว่ามาถึงพวกเขา ฉันขอแนะนำให้คุณอ่านในเอสราและเนหะมีย์เพื่อคุณจะเห็นว่าประชาชนกลับใจ มาหาพระเจ้าได้อย่างไร มีบางข้อในบทเหล่านั้นที่ฉันไม่สามารถอ่านโดยที่น้ำตาไม่ไหลได้เลย เมื่อฉันได้เห็นว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์เพียงใด พระองค์ทรงสมควรแก่การสรรเสริญและ ได้รับเกียรติ
เราไม่ได้เป็นอิสราเอลที่ตกเป็นเชลย แต่สำหรับฉัน ฉันรู้สึกว่าพระเจ้ากำลังสอนฉันอย่างเดียวกัน “เพียงพอแล้วที่ฉันจะยึดบางอย่างไว้และไม่ยอมหยุดพัก โหยหาอย่างอื่นที่ฉันไม่มี ใช่ การอธิษฐานเผื่อวัคซีน เผื่อความมั่นคงปลอดภัยและความชัดเจน อธิษฐานเผื่อคนที่กำลังเจ็บป่วยและคนที่กำลังทนทุกข์และโศกเศร้า อธิษฐานให้มีการเปลี่ยนแปลงนั้นดี แต่ขอให้คุณได้พักสงบและรู้ว่าพระเจ้าทรงรู้จักคุณ ทรงรู้จักหัวใจของคุณ และพระองค์ทรงรักคุณ จงอยู่ในที่ที่พระเจ้านำคุณให้อยู่ ในช่วงเวลานี้จงตามพระเจ้า”
ฉันมักจะเรียนรู้ช้า แต่พระเจ้าทรงสุภาพอ่อนโยนและแสนดีและพระองค์กำลังนำเราให้มีความเข้าใจ ที่ถูกต้อง ฉันกำลังเรียนรู้ว่าการลงจอดในฤดูกาลนี้สำหรับฉันหมายความว่าอะไร ไม่ใช่การได้อยู่ที่ที่ฉันอยากจะอยู่ แต่คือการอยู่ (ปักหลัก ใส่ใจ)ในที่ที่ฉันอยู่ในตอนนี้ และให้ตัวเองมีส่วนและสัตย์ซื่อใน การรับใช้พระเจ้า ณ ที่ตรงนั้น ฉันกำลังเรียนรู้ว่าการเชื่อฟังพระเจ้าคือความชื่นชมยินดี และการเชื่อฟังนั้น คือที่ที่เราจะได้เห็นสิ่งล้ำค่าที่เราไม่ได้คาดหวังหรือไม่ได้มองหา และฉันสงสัยว่าคุณเองก็กำลังจะได้ค้นพบในสิ่งเดียวกันนี้รึป่าว
พระเจ้ากำลังสอนอะไรคุณในฤดูกาลนี้?
คุณกำลังเรียนรู้ที่จะตั้งมั่นอยู่ในที่ที่พระเจ้าวางคุณไว้อย่างไร?
*********************************************************************************
Share
